วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2559

  งิ้วปักกิ่งของจีนถูกขนานนามว่าเป็นอุปรากรแห่งบูรพานับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติขนานแท้ของจีน เพราะเกิดขึ้นในปักกิ่ง จึงมีชื่อเรียกกันว่า จิงจวี้ที่แปลเป็นไทยว่า งิ้วปักกิ่งงิ้วปักกิ่งมีประวัติกว่า ๒๐๐ ปีแล้ว ต้นกำเนิดของงิ้วปักกิ่งต้องย้อนหลังไปถึงงิ้วท้องถิ่นเก่าแก่บางชนิดในอดีต โดยเฉพาะคือ ฮุยปันที่เป็นงิ้วท้องถิ่นที่เคยแพร่หลายอย่างกว้างขวางในภาคใต้ของจีนเมื่อศตวรรษที่ ๑๘ ในปี ๑๗๙๐  คณะงิ้วท้องถิ่นฮุยปันคณะแรกเข้าสู่กรุงปักกิ่งเพื่อเข้าร่วมงานแสดงเนื่องในวโรกาสเฉลิมฉลองวันเฉลิมพระชนมพรรษาของจักรพรรดิ หลังจากนั้น            
มีคณะแสดงงิ้วฮุยปันจำนวนไม่น้อยได้ทยอยเข้าไปแสดงในกรุงปักกิ่ง เนื่องจากฮุยปันเคลื่อนย้ายไปมาตามที่ต่าง ๆ บ่อย ๆ เข้าใจดูดซับเอาบทละครและศิลปะการแสดงของงิ้วชนิดอื่น ๆ มาปรับใช้เป็นของตัวเองอยู่เสมอ ประกอบกับปักกิ่งเป็นแหล่งที่รวมของงิ้วท้องถิ่นมากมาย จึงช่วยให้ ฮุยปันได้ยกระดับศิลปะการแสดงสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปลายศตวรรษที่ ๑๙  ต้นศตวรรษที่ ๒๐ หลังผ่านการหลอมรวมเป็นเวลานานหลายสิบปี งิ้วปักกิ่งจึงก่อรูปขึ้นในที่สุด 
และกลายเป็นการแสดงงิ้วบนเวทีชนิดใหญ่ที่สุดของจีนในบรรดางิ้วชนิดต่าง ๆ ของจีน งิ้วปักกิ่งครองอันดับหนึ่งในหลาย ๆ ด้าน เช่น ความหลากหลายของบทละคร จำนวนศิลปินนักแสดง จำนวนคณะแสดง จำนวนผู้ชมผู้ฟังและอิทธิพลที่กว้างขวาง เป็นต้น
       งิ้วปักกิ่งเป็นศิลปะการแสดงสมบูรณ์แบบที่รวมศิลปะการขับร้อง” “การพูด” “การแสดงลีลา”     
การแสดงศิลปะการต่อสู้และระบำรำฟ้อนเข้าไว้ด้วยกัน ตัวละครของงิ้วปักกิ่งที่สำคัญแบ่งเป็น เซิง”( เพศชาย) ตั้น”( เพศหญิง)  จิ้ง” ( เพศชาย) และโฉว”( มีทั้งเพศชายและเพศหญิง) นอกจากนั้นยังมีตัวละครประกอบอีกจำนวนหนึ่ง
รูปแบบการแต่งหน้าเป็นศิลปะที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของงิ้วปักกิ่ง ความซื่อสัตย์กับความคดโกง ความงามกับความขี้เหร่ ความดีกับความชั่วและความสูงศักดิ์กับความต่ำต้อย เป็นต้น ต่างก็แสดงให้เห็นได้โดยผ่านลวดลายในการแต่งหน้า เช่น สีแดงใช้กับบุคคลที่มีความซื่อสัตย์ สีม่วงเป็นสัญลักษณ์แห่งความชาญฉลาด ความกล้าหาญและความมีน้ำใจ สีดำสะท้อนถึงอุปนิสัยใจคอสูงส่งที่ซื่อตรง  สีขาวบ่งบอกถึงความคดโกงและความโหดเหี้ยมของคนร้าย สีน้ำเงินแฝงไว้ซึ่งความหมายที่มีใจนักสู้และเก่ากล้า สีเหลืองใช้กับตัวละครที่โหดร้ายทารุณ ส่วนสีทองกับสีเงิน มักจะใช้กับตัวละครที่เป็นเทวดาและภูตผีปีศาจ
มีความเห็นทั่วไปว่า ปลายศตวรรษที่ ๑๘ เป็นช่วงเวลาแรกที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของงิ้วปักกิ่ง เวลานั้น นอกจากมีสภาพการแสดงงิ้วที่เจริญคึกคักของภาคเอกชนแล้ว การแสดงงิ้วภายในพระราชวังก็มีบ่อยครั้งเช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะว่า บรรดาขุนนางผู้ดีเชื้อพระวงศ์ต่างก็ชื่นชอบงิ้วปักกิ่ง                
ส่วนเงื่อนไขทางวัตถุที่ดีภายในพระราชวังก็ได้เอื้ออำนวยความสะดวกไม่น้อยแก่การแสดงงิ้วปักกิ่ง  
ตั้งแต่การแต่งหน้านักแสดง เสื้อผ้าอาภรณ์ เวทีแสดงและการจัดฉากแสดง เป็นต้น งิ้วในวังกับงิ้วชาวบ้านส่งผลต่อกันและกัน ทำให้งิ้วปักกิ่งมีการพัฒนาก้าวหน้าอย่างเป็นประวัติการณ์
ตั้งแต่ทศวรรษที่ ๑๙๒๐ ถึง ทศวรรษที่ ๑๙๔๐ ของศตวรรษที่ ๒๐ เป็นช่วงเวลาที่สองที่งิ้วปักกิ่งรุ่งเรืองเต็มที่ สัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของงิ้วปักกิ่งในยุคนี้คือ งิ้วปักกิ่งสำนักต่าง ๆ เกิดขึ้น งิ้วปักกิ่งสี่สำนักที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือ สำนักเหมย สำนักซั่ง สำนักเฉิงและสำนักสุน แต่ละสำนักต่างก็มีนักแสดงชื่อดังจำนวนมาก พวกเขาออกแสดงงิ้วปักกิ่งตามเวทีละครอย่างคึกคักในเมืองใหญ่ ๆ เช่น นครเซี่ยงไฮ้และกรุงปักกิ่งเป็นต้นอย่างคึกคัก ทำให้ศิลปะงิ้วปักกิ่งปรากฏสภาพเจริญรุ่งเรื่องเต็มเปี่ยม
นายเหมยหลันฟัง เป็นหนึ่งในศิลปินนักแสดงงิ้วปักกิ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในโลก เขาเริ่มเรียนรู้การแสดงงิ้วตั้งแต่อายุ ๘ ขวบ ขณะอายุ ๑๑ ปีก็ออกแสดงบนเวทีแล้ว เหมยหลันฟังเป็นศิลปินนักแสดงงิ้วปักกิ่งนานกว่า ๕๐ ปี  ระหว่างนี้ เขาได้ประดิษฐ์คิดสร้างและพัฒนาศิลปะงิ้วปักกิ่งในด้านต่าง ๆ ตั้งแต่ทำนองการขับร้อง การพูด ระบำรำฟ้อน ดนตรี  ชุดแสดงและการแต่งหน้าแต่งตัว เป็นต้น ก่อรูปขึ้นเป็นท่วงทำนองศิลปะที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตน ในปีค.ศ.๑๙๑๙  เหมยหลันฟังนำคณะงิ้วปักกิ่งเดินทางไปแสดงในประเทศญี่ปุ่น นับเป็นครั้งแรกที่ศิลปะงิ้วปักกิ่งแพร่หลายไปสู่โพ้นทะเล  ในปี ๑๙๓๐ เหมยหลันฟังนำคณะงิ้วปักกิ่งเดินทางไปแสดงที่อเมริกา ก็ประสบความสำเร็จอย่างมากเช่นกันต่อมา ปี ๑๙๓๔ เหมยหลันฟังเดินทางไปเยือนยุโรปตามคำเชิญ ได้รับความสนใจยิ่งจากวงการงิ้วของยุโรป หลังจากนั้น พื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกเริ่มถืองิ้วปักกิ่งเป็นสำนักวิชาการแสดงบนเวทีสำนักหนึ่งของจีน
นับตั้งแต่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา ศิลปะงิ้วปักกิ่งได้รับการพัฒนาใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ  งิ้วปักกิ่งในฐานะเป็นมรดกทางศิลปกรรมที่มีมาแต่ดั้งเดิมของจีนได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาลจีน ทุกวันนี้ ในโรงละครใหญ่ฉางอานในกรุงปักกิ่งจัดแสดงงิ้วปักกิ่งตลอดทั้งปี  การแข่งขันงิ้วปักกิ่งของนักแสดงสมัครเล่นระหว่างประเทศที่จัดขึ้นทุกปีได้ดึงดูดผู้รักงิ้วปักกิ่งจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลกมาเข้าร่วม นอกจากนี้  งิ้วปักกิ่งยังเป็นรายการที่ขาดเสียมิได้ในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนกับต่างประเทศทุกครั้ง
ละครงิ้วปักกิ่งได้รับฉายาว่า"โอเปราตะวันออก" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมอันเลิศล้ำของจีน ได้ชื่อว่าเป็นงิ้วปักกิ่งก็เพราะก่อรูปขึ้นที่กรุงปักกิ่ง ละครงิ้วปักกิ่งมีประวัติยาวนานกว่าสองร้อยปี แหล่งกำเนิดของละครงิ้วปักกิ่งคือละครท้องถิ่นโบราณหลายชนิด โดยเฉพาะ"ฮุยบาน"ซึ่งเป็นละครท้องถิ่นที่ได้รับความนิยมกันในภาคใต้ของจีนเมื่อศตวรรษที่้๑๘ ละคร"ฮุยบาน"เป็นละครที่มักจะเคลื่อนที่ไปตามสถานที่ต่างๆ ทำให้รับเอาเรื่องราวและวิธีการแสดงของละครอื่นมาผสมหลอมรวม กรุงปักกิ่งได้รวบรวมละครท้องถิ่นหลายชนิด ซึ่งทำให้ละคร"ฮุยบาน"ได้รับการพัฒนาขึ้นทางด้านศิลปะอย่างรวดเร็ว
เมื่อปลายศตวรรษที่19และต้นศตวรรษที่๒๐ ผ่านการผสมผสานเป็นเวลาหลายสิบปี ละครงิ้วปักกิ่งจึงได้ก่อรูปขึ้น และได้กลายเป็นรูปแบบละครที่ใหญ่ที่สุดของจีน ความสมบูรณ์หลากหลายของรายการ จำนวนมากมายของศิลปิน นักแสดง โรงละครและผู้ชม ตลอดจนความกว้างขวางของอิทธิพลของละครงิ้วปักกิ่งต่างก็อยู่อันดับต้นๆในละครชนิดต่างๆของจีน ละครงิ้วปักกิ่งเป็นศิลปการแสดงรวม ซึ่งได้ครอบคลุม"การร้อง(ร้องเพลง) การพูด(บทสนทนาละครงิ้ว) การแสดงท่าทาง การเล่นบทวิทยายุทธ)และการรำ(แสดงระบำ)"เข้าด้วยกัน เป็นการบรรยายเรื่องราวและอุปนิสัยของบุคคลโดยผ่านวิธีการแสดงรูปแบบต่างๆ