การแสดงงิ้วก็ไม่ต่างอะไรจากละครโทรทัศน์
ภาพยนตร์หรือละครเวทีที่ต้องมีอุปกรณ์ประกอบการแสดงเข้ามาช่วย
แต่การแสดงงิ้วยังคงรักษาจุดเด่นในการแสดงคือ การสมมติ
เอาไว้ด้วยแบบแผนที่มีการกำหนดและสืบทอดกันจนถึงปัจจุบัน กล่าวคือ
แม้การแสดงงิ้วจำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์มาประกอบการแสดง แต่อุปกรณ์จะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์เพื่อให้นักแสดงได้สื่อความหมายด้วยท่าทางแทนการนำของจริงมาใช้
ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เกิดการสื่อสารกันระหว่างนักแสดงและผู้ชม
อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญในการแสดงงิ้ว
- อุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดงมีมากมายหลายอย่าง
อาทิ
อุปกรณ์ชนิดนี้ น่าจะเป็นที่คุ้นตากันดีบนเวทีงิ้ว
การแสดงในบทที่มีม้าประกอบในฉาก นักแสดงก็จะต้องมีอุปกรณ์นี้ในมือ
หากต้องมีการขึ้นขี่ ก็จะมีท่าทางเฉพาะที่กำหนดไปตามแต่ละประเภทตัวละคร
หลักจากขึ้นขี่ม้า ก็จะแสดงอาการนั่งอยู่บนหลังม้า หากจะแสดงอากาศม้าพยศ
ก็จะมีการยกแข้งขาหรือตีลังกา เพื่อแสดงให้ผู้ชมเข้าใจ สิ่งสำคัญในการควบม้า
นักแสดงจะต้องแสดงออกทางสีหน้าและแววตา
โดยในความเป็นจริงหากจะสังเกตอาการม้าโดยที่กำลังนั่งอยู่บนหลังม้า
จะต้องสังเกตที่ใบหู ดังนั้นสายตาของนักแสดงจะต้องอยู่ในองศาที่พอเหมาะ
และแสดงออกด้วยแววตาให้ผู้ชมทราบว่าม้ากำลังอยู่ในอาการใด
โดยปกติสีของแส้สื่อถึงสีของม้าแต่อาจมีการเลือกใช้สีแส้อื่นๆเพื่อให้เข้ากับเสื้อผ้าตัวละครแต่ควรใช้พู่สีเดียวกันตลอดทั้งแส้
หลักเป็นม้าทรงก็จะมีการผูกโบขนาดใหญ่เพื่อแสดงฐานะ
แส้ประเภทนี้
แต่เดิมใช้กันในบรรดานักบวชของลัทธิเต๋า มีไว้สำหรับปัดทำความสะอาดหรือปัดแมลง
ต่อมาถูกนำมาใช้บนเวทีงิ้ว โดยมักใช้กับบท เทพ ปีศาจ พระ นักพรต
ซึ่งสื่อถึงผู้บำเพ็ญเพียรต่างๆ และยังมีบทขันที สาวใช้ ที่จะนำมาถือประจำตัว
โดยในกรณีนี้ก็จะสื่อว่าเป็นผู้มีหน้าที่รับใช้ โดยส่วนมากแส้จะเป็นสีขาว
แต่ก็มีบางตัวละครที่ใช้แส้สีแดงหรือสีเขียว
ที่ด้ามจับจะประดับพู่ห้อยเพื่อเพิ่มความสวยงาม
เราจะสามารถเห็นอุปกรณ์ชิ้นนี้กันบ่อยในฉากที่มีการว่าความในศาลหรือในการประชุมของกองทัพ กระบอกที่ว่านี้จะบรรจุแผ่นไม้ขนาดเล็กไว้โดยสมมติว่าเป็นแผ่นป้ายคำสั่งหากต้องการลงโทษผู้ใดก็จะทำการหยิบแผ่นไม้นั้นโยนลงไปที่กลางเวที
ซึ่งหมายถึงได้ออกคำสั่งเด็ดขาดลงไปแล้วนั่นเอง
ในการแสดงงิ้ว
การเดินทางนอกจะมีการขี่ม้าแล้ว ยังมีการนั่งรถ ส่วนมากจะใช้กับบทผู้หญิง
(หากเป็นบทผู้ชายก็จะเป็นฮ่องเต้เสียส่วนมาก โดยสมมติให้เป็นราชรถ)
การใช้อุปกรณ์ชนิดนี้จะต้องประกอบด้วยสารถีและผู้โดยสาร
โดยสารถีหรือคนขับจะทำหน้าที่จับด้ามของธง ผู้โดยสารอาจมีคนเดียวหรือสองคน
เช่นฮ่องเต้และฮองเฮา หรือคู่แม่ลูก
โดยผู้ที่แสดงเป็นผู้โดยสารจะเป็นผู้ควบคุมทิศทางในการแล่นไปของรถ
บทนักโทษมักจะมีการสวมใส่โซ่ตรวนที่คอเพื่อแสดงให้เข้าใจถึงบทในขณะนั้น
หากต้องมีการเดินทางไปขึ้นศาล ก็จะต้องใส่ขื่อคานี้ไว้
เพื่อป้องกันการหลบหนีหรือทำร้ายคนรอบข้าง
โดยขื่อคาบนเวทีการแสดงจะมีการตกแต่งให้สวยงามเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ปลาคู่
อย่างในภาพ โดยแบบนี้จะใช้กับบทนักโทษหญิง
หากเป็นนักโทษชายจะเป็นแผ่นไม้สี่เหลี่ยมที่จำลองแบบมาจากของจริง
พัดคู่ 日月扇
พัดคู่นี้
จะใช้กับบทเชื้อพระวงศ์เท่านั้นลวดลายบนพัดส่วนมากจะเป็นลายมังกรกับหงส์
ส่วนอีกด้านจะเป็นตัวอักษรจีนคำว่าสุริยันและจันทรา โดยส่วนมากจะใช้เป็นเครื่องประกอบอิสริยยศในฉากออกท้องพระโรงหรือฉากเสด็จฯยังที่ต่างๆ
โดยอาจมีร่มขนาดใหญ่หรือฉัตรมาประกอบพร้อมคฑาต่างๆนำขบวน
ซึ่งลอกเลียนแบบมาจากธรรมเนียมในราชสำนักจีนสมัยโบราณ
ธงนี้หมายความถึงกองทหารหนึ่งชุดจะต้องประกอบด้วยสี่คน โดยใช้ธงสีเดียวกัน และต้องเป็นสีเดียวกับตัวแม่ทัพ
เพื่อให้คนดูสามารถแบ่งแยกฝักฝ่ายได้ถูกต้อง ส่วนมากจะใช้กับฉากรบ
ฉากประชุมกองทัพหรือฉากที่เกี่ยวกับทหารเป็นหลัก
อุปกรณ์ในการแสดงงิ้วยังมีอีกหลายสิ่ง เช่น ธงน้ำ ธงลม ธงไฟ
อันสื่อถึงสภาวะทางธรรมชาติในฉากนั้นๆ ในส่วนของอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนมากจะจำลองมาจากอุปกรณ์ที่มีอยู่จริงในสังคมสมัยก่อนแต่จะมีการปรับแต่งให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยและดูสวยงามมากขึ้นเพื่อดึงดูดสายตาผู้ชม
การแสดงงิ้วไม่นิยมนำอุปกรณ์ของจริงขึ้นไปใช้บนเวที
เพราะสิ่งเหล่านั้นนอกจากจะทำให้ผู้ชมขาดจินตนาการตามแล้ว ยังทำให้สูญเสียเอกลักษณ์ส่วนหนึ่งของความเป็นงิ้วไปด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น