งิ้วรับเทศกาล
เรียกว่า 应节戏 "อิ้งเจี๋ยซี่"
งิ้วเหล่านี้จะถูกคัดสรรเรื่องโดยดูจากเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลนั้นๆออกทำการแสดง
เช่น เทศกาลแห่เรือมังกร(ไหว้บ่ะจ่าง) ก็จะเล่นเรื่องนางพญางูขาว เพราะมีฉากที่นางพญางูขาวดื่มเหล้าจนคืนร่างในวันเทศกาลดังกล่าว
เทศกาลสารทจีนกลางเดือนเจ็ด ก็จะเล่นงิ้วเกี่ยวกับผี วันไหว้พระจันทร์
ก็จะเล่นเรื่อง ฉางเอ๋อเหินขึ้นจันทร์ เพราะมีพระจันทร์มาเกี่ยวข้อง
เทศกาลไหว้ขนมอี๋(จีนในไทยเรียกตังโจ่ย) ก็สามารถเล่นงิ้วสามก๊ก ฉากขงเบ้งเรียกลม
ได้เช่นกัน ฯลฯ
ภาพ: งิ้วที่มีเนื้อหามงคล มีนัยให้กิจการยั่งยืน
เมื่อเทศกาลในหนึ่งปีเวียนมาใกล้จะครบ
ก็จะก้าวเข้าสู่ช่วงตรุษจีนซึ่งถือเป็นปีใหม่ของจีน
โดยแท้จริงแล้วก่อนวันตรุษจีนหนึ่งสัปดาห์จะมีการไหว้ส่งเทพเตาขึ้นสวรรค์
ตามตำนานเทพเตาเมื่อเป็นมนุษย์ แต่งงานมีเมียแต่ไม่ทำมาหากิน
วันๆกินเที่ยวจนเมียขอหย่า สุดท้ายกลายเป็นขอทาน
วันหนึ่งขอทานมาถึงหน้าบ้านเมียเก่า ก็รู้สึกอับอายจึงเอาหัวมุดเตาไฟเผาตัวเองตาย
สวรรค์เห็นว่าสำนึกได้ก่อนตาย จึงแต่งตั้งขึ้นเป็นเทพเตาประจำครอบครัว
ภาพ:
เจ้าเตา
วันส่งเทพเตา
ชาวบ้านจะนำภาพเทพเตามาติดเหนือพร้อมเครื่องเซ่นไหว้
สิ่งที่ขาดไม่ได้คือน้ำผึ้งหรือก้อนน้ำตาลที่ถูกนำมาลนไฟจนละลายแล้วนำไปป้ายที่ปากของเทพเตา
เพราะชาวจีนเชื่อว่าในวันนี้เทพเตาจะนำเรื่องในบ้านไปรายงานแก่สวรรค์ หากบ้านไหนทำความดีปีหน้าก็จะได้รับพรตลอดปี
ชาวบ้านจึงหวังว่าน้ำผึ้งหรือน้ำตาลจะทำให้เทพเตาปากหวาน
พูดแต่สิ่งดีๆให้กับครอบครัวตน และในวันนี้ชาวบ้านก็จะเริ่มเตรียมซื้อข้าวของเครื่องใช้เพื่อใช้ในเทศกาลตรุษจีน
ชาวจีนทางเหนือจึงเรียกวันนี้ว่า 小年
"เสี่ยวเหนียน" หรือปีใหม่เล็ก ก่อนที่อีกสัปดาห์จะถึง 大年 "ต้าเหนียน"
หรือปีใหม่ใหญ่ซึ่งก็คือตรุษจีน
ภาพ: พิธีผนึกหีบเสื้อผ้าและอุปกรณ์
สังเกตกระดาษเหลืองที่บรรดาอาวุธ
ตามธรรมเนียมเดิมของคณะงิ้วสมัยก่อน
แต่ละคณะส่วนมากจะมีคิวงิ้วตลอดปี แต่เมื่อถึงวันปีใหม่เล็ก
ก็จะมีการแสดงงิ้วส่งท้ายปี เรียกว่า "ต้าซี่" หรืองิ้วใหญ่
คืองิ้วที่จัดขึ้นพิเศษ รวมดารานักแสดงและจัดอย่างยิ่งใหญ่
ในบางที่นิยมทำการแสดงที่เรียกว่า 反串
"ฝ่านช่วน" คือการให้นักแสดงเล่นบทที่ตัวเองไม่เคยแสดง
เช่น ตัวนางเล่นบทตลก ตัวหน้าลายเล่นบทนาง ตัวพระเล่นบทหน้าลาย ตัวตลกเล่นบทพระ
ฯลฯ แล้วแต่คณะ เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชม แม้จะเป็นการเล่นสลับบท
แต่นักแสดงก็จะแสดงอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ออกมาเลียนแบบท่าทางให้ดูตลกผ่านๆไป
ภาพ:
งิ้วมงคลอวยพรผู้ชมให้เจริญก้าวหน้า
หลังจากวันปีใหม่เล็กหนึ่งวัน
คณะงิ้วจะทำการหยุดการแสดงจน และในวันนี้ก็จะจัดพิธีการหนึ่งขึ้นเรียกว่า 封箱 "เฟิงเซียง"
คือการปิดผนึกหีบเสื้อผ้าและอุปกรณ์ในการแสดงงิ้ว
โดยการนำแถบกระดาษสีเหลืองมาคาดทับเป็นกากบาทเป็นสัญลักษณ์ว่าถูกปิดอยู่
ในสมัยก่อนงิ้วจะต้องเร่แสดงตามสถานที่ต่างๆ
สิ่งที่ใช้บรรจุเสื้อผ้าและอุปกรณ์การแสดงก็คือหีบไม้เหล่านี้ ย้ายไปไหนก็ยกไปด้วย
การปิดผนึกหีบจึงเป็นพิธีการเพื่อแสดงให้เห็นว่า
คณะงิ้วจะปิดการแสดงเพื่อให้นักแสดงพักผ่อนหลังจากที่เหนื่อยล้ากันมาตลอดหนึ่งปีเต็ม
ภาพ:
เทพแห่งเงินทองอวยพรให้มั่งมี
คณะงิ้วจะเปิดทำการแสดงอีกครั้งในวันที่เปลี่ยนนักษัตรใหม่
ซึ่งเป็นวันตรุษจีนดั้งเดิม เรียกว่า "ลี่ชุน" หรือลิบชุง 立春 เทศกาลเริ่มฤดูใบไม้ผลิ
โดยจะอยู่ก่อนหลังวันตรุษจีนแต่ละปีไม่แน่นอน (ปีนี้ ตรงกับวันที่ 4 ก.พ.) ในปีค.ศ.1913 หยวนซื่อไข่กำหนดให้เลื่อนการฉลองปีใหม่จีน(春节)ไปกระทำกันในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติ(ตรุษจีนปัจจุบัน)แทน
นับแต่นั้นมาชาวจีนจึงแยกวันตรุษจีนออกจากเทศกาลลี่ชุนและจัดงานในวันที่หนึ่งเดือนหนึ่งตามปฏิทินจันทรคติจนถึงปัจจุบันแต่ยังคงยึดเอาวันลี่ชุนเป็นวันแห่งการเปลี่ยนปีนักษัตรเช่นเดิม
ภาพ: เทพแห่งการศึกษาถือพู่กันมาอวยพร
ในวันเปิดทำการแสดงวันแรกของปี
ก็จะจัดพิธีการขึ้นอีกครั้ง เรียกว่า 开箱
"ไคเซียง"
เป็นการปลดผนึกที่ปิดไว้เพื่อเริ่มทำการแสดงอีกครั้ง บนเวทีงิ้วก็จะมีการอัญเชิญเทพผู้อุปถัมภ์งิ้วออกมาตั้งไว้กลางเวที
บนโต๊ะประกอบไปด้วยเครื่องสักการะต่างๆเช่น ถั่วเป็นตัวแทนบทพระ
ไข่เป็นตัวแทนบทนาง เกลือเป็นตัวแทนบทหน้าลายเต้าหู้เป็นตัวแทนบทตลก
รวมถึงป้ายจารึกนามเทพเจ้าต่างๆ ธงทั้งห้าที่เป็นตัวแทน ดิน น้ำ ไฟ ไม้ ทอง
ธาตุทั้งห้าของจีน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่นักแสดงและผู้มาร่วมพิธี
ภาพ:
ปฏิสัมพันธ์กับเจ้าภาพและผู้ชม
การแสดงในวันแรกของปีก็จะเป็นงิ้วมงคลต่างๆ
เช่น 跳财神
"เที่ยวไฉเสิน"
เป็นนักแสดงใส่หน้ากากเทพแห่งเงินทอง(ไฉ่ซิ้ง)ออกมาร่ายรำอวยพรให้ร่ำรวยมั่งมี 跳加官 "เที่ยวเจียกวาน"
เป็นนักแสดงชาย(บางที่แสดงคู่ชายหญิง)แต่งชุดขุนนางออกมาคลี่ป้ายอวยพรผู้ชมให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
跳魁星 "เที่ยวขุยซิง"
นักแสดงแต่งตัวเป็นเทพขุยซิงหรือดาวแห่งการศึกษาออกมาอวยพร 天官赐福
"เทียนกวานชื่อฝู"
เป็นบรรดาเทพต่างๆจากสวรรค์ลงมาอวยพรต่างๆ
สรุปว่าเป็นการอวยพรให้ปีใหม่ที่มาถึงสำเร็จสมหวังทุกประการ
ที่มา
:
พล ศิริตรานนท์ (แตง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น