หมวดชุดบรรดาศักดิ์
การใช้งาน :
ใช้กับราชวงศ์และผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ เป็นชุดพิธีการ
รูปแบบ : คอกลม ดุมข้าง
มีผ้าขาวต่อยาวจากชายแขนเสื้อ ชุดยาวถึงหลังเท้า ชุดหญิงสั้นกว่าชุดชาย
ที่มา : พัฒนามาจากชุดในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง
ในสมัยหมิงจะเป็นชุดที่พระราชทานให้แก่ขุนนางผู้ทำคุณประโยชน์ถือเป็น ชุดพระราชทาน
ต่อมาในสมัยชิงถือเป็น ชุดสิริมงคล ลวดลายมังกรกับลวดลายหม่าง ต่างกันเพียงแค่
หม่างมีสี่เล็บ มังกรมีห้าเล็บ ดังนั้นจึงเรียกชื่อนี้ว่า ชุดหม่าง
เพราะบนชุดมักจะมีการปักตัวหม่างลงไป
ชุดหม่างหรือชุดบรรดาศักดิ์ในการแสดงงิ้วก็พัฒนามาจากชุดในสองราชวงศ์นี้เอง
จุดเด่น :
ชุดนี้ถือได้ว่าได้รับเอาศิลปะเครื่องแต่งกายในยุคต่างๆมาไว้ในชุดได้อย่างงดงามอย่างยิ่ง
แขนเสื้อที่กว้างแสดงถึงความสง่าผ่าเผย ลวดลายที่ปักก็มีนัยยะที่หลากหลาาย
ชุดนี้เคลื่อนไหวสะดวก เหมาะแก่การแสดงอารมณ์ต่างๆ
ด้วยตัวชุดมิได้ถูกรัดแนบร่างผู้สวมใส่
เพราะเข็มขัดที่ใส่อย่างหลวมๆเป็นไปเพื่อเพิ่มความสวยงามในฐานะเครื่องประดับเท่านั้น
ทำให้ผู้สวมใส่เคลื่อนไหวและแสดงท่าทางได้อย่างอิสระ ไม่ถูกจำกัดด้วยชุด ชายแขนเสื้อที่ต่อยาวออกมาก็ยังสามารถนำมาใช้ในการแสดงอารมณ์ต่างๆ
อันถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของชุดงิ้วเหล่านี้
วัตถุดิบ : ผ้าต่วน
ลวดลาย : โดยมากจะเป็นรูปมังกร
พระอาทิตย์ ภูเขา ก้อนเมฆ สิ่งของและสัญลักษณ์สิริมงคลต่างๆ โดยมังกรสื่อความหมายถึงความสูงศักดิ์ที่ต้องเคารพนับถือ
สื่อถึงสถานภาพของประมุข
ลวดลายมังกรแบ่งออกเป็นหลายแบบ เช่น
มังกรวง (วน) มังกรเคลื่อนไหว และมังกรใหญ่ แต่ละแบบมีความหมายต่างกัน
ลวดลายบนชุดสื่อความหมายถึงอุปนิสัยและลักษณะตัวละคร
สี : บนล่างห้าสีล้วนถูกนำมาใช้ โดยให้สอดคล้องกับลักษณะตัวละคร
การปัก : มีสามแบบ คือแบบปักไหมสี
ปักดิ้นเงินหรือทอง และปักไหมตัดขอบด้วยดิ้นเงินหรือทอง
การเลือกใช้แบบใดก็ขึ้นอยู่กับตัวละครเช่นกัน
หมวดชุดเกราะ
การใช้งาน : ใช้นักรบ ขุนพล
แม่ทัพทั้งสำหรับชายและหญิง
รูปแบบ : คอกลม
มีปกไหล่คลุมทับ ปลายแขนเสื้อรวบพอดีข้อมือ มีเกราะท้อง และเกราะขา
ช่วงสะโพกด้านหลังมีแผ่นเกราะทั้งสองด้าน
เกราะสำหรับผู้หญิงจะมีส่วนเกราะท้องที่เล็กกว่าของชาย ด้านล่างเป็นกระโปรงริ้ว
ที่มา :
พัฒนามาจากเกราะในสมัยราชวงศ์ชิง มีลักษณะบนเป็นเสื้อ ล่างเป็นกระโปรง
เป็นผ้าที่เย็บโดยบรรจุฝ้ายไว้ภายใน
แล้วนำแผ่นโลหะมาประดับด้านนอก ซึ่งในความเป็นจริงไม่เหมาะแก่การออกรบ
เพราะแท้จริงแล้วชุดนี้จะใช้สำหรับพิธีการ
ต่างกับชุดเกราะในสมัยโบราณที่ต้องใช้งานรบจริง ที่ทำจากโลหะทั้งชุด
พอมาอยู่บนเวทีก็ได้รับการตกแต่งและพัฒนาจนเป็นที่พบเห็นกันในปัจจุบัน
จุดเด่น:
มีลักษณะเป็นเสื้อยาวลงมาทั้งตัว ดูแล้วเหมือนเสื้อแต่ก็ไม่เหมือน
จะว่าเหมือนเกราะก็ไม่เหมือน เพราะส่วนที่ทำเป็นเกราะก็ไม่ได้ทำให้แนบร่างกาย
เกราะในการแสดงมีลักษณะหลวม แยกเป็นชิ้นส่วนต่างๆ แล้วนำมาประกอบกัน
ทำให้ดูพริ้วไหวยามออกท่าทาง นอกจากจะดูสวยงามแล้ว ยังดูสง่า
และเพราะเกราะที่ใหญ่โตเกินความจริง จึงทำให้ผู้สวมใส่ดูน่าเกรงขามขึ้นมาทันที
วัตถุดิบ : ผ้าต่วน
ลวดลาย : ลายส่วนมากเป็นเกล็ดปลา
เพราะมีลักษณะเหมือนเกล็ดบนชุดเกราะ
หน้าอกและไหล่มีตัวอักษรสิริมงคลที่แปลว่าอายุยืน
เพื่ออวยพรให้รบกลับมาโดยปลอดภัย เกราะท้องของตัวละครชายมักเป็นรูปมังกร
หญิงเป็นรูปหงส์และดอกโบตั๋น ตัวหน้าลายเพื่อแสดงถึงความน่าเกรงขาม
มักจะทำเป็นรูปหัวเสือ
สี : ตามบนล่างห้าสี มีการเลือกใช้สีชุดตามหลักเดียวกับชุดบรรดาศักดิ์
เช่น วาดหน้าดำใช้เกราะดำ วาดหน้าแดงใช้เกราะเขียว พระเอกวัยหนุ่มใช้เกราะขาว ฯลฯ
การปัก: ปักด้วยดิ้นทอง
เพื่อยามโดนแสงไฟจะดูเหมือนแสงที่กระทบโลหะ ส่วนเกราะท้อง บ้างปักไหม
บ้างปักดิ้นทองแล้วแซมด้วยไหม หากเป็นช่วงไว้ทุกข์ ใช้เกราะขาวที่ปักด้วยดิ้นเงิน
หมวดชุดคลุม
การใช้งาน :
ใช้กับราชวงศ์และผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ยามปกติ ไม่เป็นทางการ
รูปแบบ : ปกใหญ่ยาวลงมา ดุมข้าง
มีผ้าขาวต่อยาวจากชายแขนเสื้อ ผ่าข้างทั้งสองด้านของชุด ชุดชายยาวถึงหลังเท้า ชุดหญิงยาวเลยเข่านิดหน่อย
ปักลวดลายด้วยดิ้นหรือไหมสีต่างๆ
ที่มา :
พัฒนามาจากชุดพิธีการของสตรีชั้นสูงในสมัยราชวงศ์หมิง แต่เดิมแขนเสื้อพอดีแขน
ช่วงปกเป็นแถบพาดยาวลงมา จนถึงในสมัยปลายราชวงศ์หมิง
แขนเสื้อมีการพัฒนาให้กว้างขึ้น แถบปกลดความยาวให้สั้นลง
จุดเด่น :
ชุดนี้ถือได้ว่าเป็นชุดที่สวยงามด้วยความเรียบง่าย
ปกสองด้านที่ยาวลงมาเว้นให้เห็นช่องว่างช่วงคอและชุดด้านใน
ช่วงหน้าอกพัฒนาจากการติดดุมมาเป็นชายผ้าสองเส้นเล็กๆที่พริ้วตามการเคลื่อนไหว
เหมาะสมกับเป็นชุดที่จะสวมใส่ยามพักผ่อน ไม่เป็นทางการของบรรดาผู้มีอันจะกิน
เพราะชุดนี้นอกจากจะดูสมสถานภาพตัวละครแล้ว ยังสะดวกแก่การเคลื่อนไหวและร่ายรำ
วัตถุดิบ : ผ้าต่วนหรือผ้าซาติน
ชนิดหลังค่อนข้างจะนุ่มเบา
ลวดลาย : ฮ่องเต้ใช้ลายมังกร
ฮองเฮาและพระสนมใช้หงส์ ไทเฮาใช้มังกรและหงส์
นอกเหนือจากนั้นดูที่ตัวละคร
บ้างดอกไม้ บ้างตัวอักษรมงคล ฯลฯ
สี : ราชวงศ์ใช้สีเหลือง
งานมงคลใช้สีแดง ผู้สูงอายุใช้สีเขียวขี้ม้า นอกนั้นดูที่ความเหมาะสม
การปัก : ชุดสีเหลืองปักด้วยไหม
สีอื่นๆจะปักเป็นไหมล้วนหรือปักไหมแล้วตัดเส้นด้วยดิ้นทองก็ได้
หมวดชุดลำลอง
การใช้งาน: ใช้กับบัณฑิต
จอมยุทธ์หรือชาวบ้านสามัญธรรมดา
รูปแบบ: ปกเฉียง ดุมข้าง (สีข้างขวา)
ชุดของผู้ชายยาวถึงเท้า ตัวเสื้อผ่าข้างทั้งสองด้าน แขนเสื้อกว้าง
ต่อชายผ้าสีขาวยาว ชุดของผู้หญิง ดุมหน้า ปกตั้ง ชุดยาวเลยเข่าลงมาเล็กน้อย
ที่มา :
ชุดของชายพัฒนามาจากชุดลำลองในสมัยราชวงศ์หมิง ปกเฉียงแขนเสื้อกว้าง
ชุดลักษณะนี้เป็นเอกลักษณ์ของชุดลำลองที่สืบทอดมานาน ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังและซ่ง
ส่วนของหญิงพัฒนามาจากรูปแบบเสื้อที่มีปกตั้งขึ้น ดุมหน้า ตัวสั้นค่อนข้างสั้น
ชายไว้ในกระโปรง ในส่วนปกที่ตั้งขึ้นของชุด เพิ่งมานิยมกันมากในสมัยราชวงศ์หมิง
เพื่อปกปิดส่วนคอให้ดูเรียบร้อย
จุดเด่น : ชุดนี้นอกจะเป็นชุดลำลองแล้ว
ยังมีสามารถใช้งานได้หลายอย่าง
สามารถเป็นชุดที่สวมใส่ไว้ภายในก่อนสวมชุดบรรดาศักดิ์หรือชุดคลุมทับอีกที
อีกทั้งตัวละครชายยังสามารถใส่โดยไม่ติดดุม เพื่อแสดงถึงอุปนิสัยที่เปิดเผย
กล้าหาญ
วัตถุดิบ :
ผ้าต่วนใช้กับตัวละครหน้าลาย เพราะตัวผ้ามีน้ำหนัก เข้ากับลักษณะตัวละคร
นอกนั้นส่วนมากจะใช้ผ้าซาติน
เพราะอ่อนเบา ดูเหมาะสมเป็นชุดลำลองอย่างแท้จริง
ลวดลาย :
มีการกำหนดเป็นแบบแผนไว้โดยยึดตามประเภทของตัวละคร
ตำแหน่งของลวดลาย
บ้างปักเฉพาะมุมของชุด บ้างปักทั่วทั้งชุด หรืออาจไม่มีลายใดๆเลยก็ได้
สี : ราชวงศ์ใช้สีเหลือง
งานมงคลใช้สีแดง ผู้สูงอายุใช้สีเขียวขี้ม้า นอกนั้นดูที่ความเหมาะสม
การปัก : จะปักเป็นไหมล้วนหรือปักไหมแล้วตัดเส้นด้วยดิ้นทองก็ได้
หมวดชุดอื่นๆ
นอกเหนือจากชุด ๔ ประเภท คือ
ชุดบรรดาศักดิ์ ชุดคลุม ชุดเกราะ ชุดลำลอง
ชุดงิ้วที่เหลือทั้งหมดจะจัดเข้าหมวดชุดอื่นๆ
เพราะยากแก่การจัดประเภทได้อย่างชัดเจน
ซึ่งชุดเหล่านี้อาจจะแบ่งจัดเก็บในหีบเสื้อผ้าของชุด
๔ ประเภทในหีบใดหีบหนึ่งก็ได้
ชุดในหมวดนี้จะแบ่งออกเป็น ๔
ประเภทย่อย คือ ชุดแบบยาว ชุดแบบสั้น ชุดแบบเฉพาะ และชุดอุปกรณ์เสริม
(ngiew.com,๒๕๕๒)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น